
“วงแหวนแห่งไฟ”ต้นเหตุ‘วิปโยค’
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=656&contentId=126777
วันอังคาร ที่ 15 มีนาคม 2554 เวลา 0:20 น
“วงแหวนแห่งไฟ” นั้นเป็นบริเวณในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดแผ่นดินไหว และ “ภูเขาไฟระเบิด” บ่อยครั้ง มีลักษณะเป็นเส้นเกือกม้า ความยาวรวมประมาณ 40,000 กิโลเมตร
ประมาณ การว่า 90% ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลก และกว่า 80% ของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เกิดขึ้นในบริเวณ “วงแหวนแห่งไฟ” เป็นส่วนหนึ่งจากเนื้อหาที่มีการระบุไว้ใน วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีโดยสังเขปคือ... วงแหวนแห่งไฟ นั้นเป็นบริเวณในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดแผ่นดิน ไหว และ “ภูเขาไฟระเบิด” บ่อยครั้ง มีลักษณะเป็นเส้นเกือกม้า ความยาวรวมประมาณ 40,000 กิโลเมตร วางตัวตามแนวร่องสมุทร แนวภูเขาไฟ และบริเวณขอบแผ่นเปลือกโลก โดย มีภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ภายใน “วงแหวนแห่งไฟ” ทั้งหมด 452 ลูกและเป็นพื้นที่ที่มีภูเขาไฟคุกกรุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก มากในระดับกว่า 75% ของภูเขาไฟที่คุกรุ่นทั้งโลก !!
วงแหวนแห่งไฟ เป็นผลมาจากการเคลื่อนที่และการชนกันของแผ่นเปลือก โลก แบ่งเป็นส่วนวงแหวนทางตะวันออก มีผลมาจากแผ่นนาซคาและแผ่นโคคอส ที่มุดตัวลงใต้แผ่นอเมริกาใต้ ส่วนของแผ่นแปซิฟิกที่ติดกับแผ่นฮวนดีฟูกา ซึ่งมุดตัวลงแผ่นอเมริกาเหนือ ส่วนทางตอนเหนือที่ติดกับทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นแปซิฟิก มุดตัวลงใต้บริเวณเกาะเอลูเชียนจนถึงทางใต้ของญี่ปุ่น และส่วนใต้ของวงแหวนแห่งไฟ เป็นส่วนที่มีความซับซ้อนของแผ่นเปลือกโลก มีแผ่นเปลือกโลกขนาดเล็กมากมายที่ติดกับแผ่นแปซิฟิก ซึ่งเริ่มตั้งแต่หมู่เกาะมาเรียน่า ประเทศฟิลิปปินส์ เกาะบัวเกนวิลเล ประเทศตองกา และ นิวซีแลนด์ แนววงแหวนแห่งไฟยังมีแนวต่อไปเป็นแนวอัลไพน์ (อีกหนึ่งแนวที่มีการเกิดแผ่นดินไหว) ซึ่งเริ่มต้นจากเกาะชวา เกาะสุมาตรา ของอินโดนีเซีย
“รอย เลื่อน” ที่ตั้งอยู่บน “วงแหวนแห่งไฟ” นี้ ก็ได้แก่ รอยเลื่อนซานอันเดรียส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเกิดแผ่นดินไหวเล็ก ๆ เป็นประจำ, รอยเลื่อนควีนชาร์ลอตต์ ทางชายฝั่งตะวันตกของหมู่เกาะควีนชาร์ลอตต์ รัฐบริติชโคลัมเบีย แคนาดา ซึ่งเคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ 3 ครั้ง คือ ขนาด 7 ริกเตอร์ เมื่อ ค.ศ.1929 ขนาด 8.1 ริกเตอร์ ปี 1949 (แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในแคนาดา) และขนาด 7.4 ริกเตอร์ ในปี 1970
สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เคยเกิด ขึ้นในแนว “วงแหวนแห่งไฟ” นี้ เช่น แผ่นดินไหวคาสคาเดีย ขนาด 9 ริกเตอร์ เมื่อ ค.ศ.1700, แผ่นดินไหวโลมาพรีเอตา ในแคลิฟอร์เนีย, แผ่นดินไหวภาคคันโต ในญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ.1923 มีผู้เสียชีวิตกว่า 130,000 คน, แผ่นดินไหวเกรตฮันชิน ในปี 1995 และอีกครั้งใหญ่ที่เคยบันทึกไว้คือแผ่นดินไหวเมื่อ ค.ศ.2004 บริเวณมหาสมุทรอินเดีย ขนาด 9.3 ริกเตอร์ ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะอินโดนีเซียถูกถล่มด้วยคลื่นสูงราว 10 เมตร มีผู้เสียชีวิตรวมราว 230,000 คน ล่าสุด เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่11มี.ค.2011 ญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ครั้งใหญ่สุดอีกครั้งหนึ่งของโลก จากแผ่นดินไหวรุนแรงถึง 9.0 ริคเตอร์ ในทะเลนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ แรงไหวทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิความสูง 10 เมตร พัดกระหน่ำเข้าหาชายฝั่ง ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าพังพินาศ มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บและสูญหายจำนวนมาก
ทั้งนี้ ประเทศที่ตั้งหรือมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในแนว “วงแหวนแห่งไฟ” ได้แก่ เบลีซ โบลิเวีย บราซิล แคนาดา โคลัมเบีย ชิลี คอสตาริกา เอกวาดอร์ ติมอร์ตะวันออก เอลซัลวาดอร์ ไมโครนีเซีย ฟิจิ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น คิริบาตี เม็กซิโก นิการากัว ปาเลา ปาปัวนิวกินี ปานามา เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย ซามัว หมู่เกาะโซโลมอน ตองกา ตูวาลู สหรัฐอเมริกา และรวมถึง นิวซีแลนด์ ที่เพิ่งเกิด “วิปโยคแผ่นดินไหว”เมื่อไม่นานมานี้ด้วย
นักธรณีวิทยาประมาณว่า... วันหนึ่ง ๆ โลกเกิดแผ่นดินไหวราว 1,000 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่เป็นแผ่นดินไหวที่มีการสั่นสะเทือนเพียงเบา ๆ ทั้งนี้ จุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวนั้นมักเกิดตาม รอยเลื่อน อยู่ในระดับความลึกระดับต่าง ๆ ของผิวโลก โดยแผ่นเปลือกโลกแต่ละแผ่นจะหนาต่างกัน บางแผ่นหนาถึง 70 กิโลเมตร บางแผ่น เช่น ส่วนที่อยู่ใต้มหาสมุทร หนาเพียง 6 กิโลเมตร และแผ่นเปลือกโลกแต่ละแห่งจะมีส่วนประกอบทางกายภาพและทางเคมีที่แตกต่างกัน เมื่อเคลื่อนที่แยก หรือชนกัน ก็จะเกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรงมากน้อยต่างกัน
แต่ประเด็นคือ...แหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวหรือตำแหน่งจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว จะอยู่ที่บริเวณขอบของแผ่นเปลือกโลก โดยที่ กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจะเกิดร อบ ๆ มหาสมุทรแปซิฟิก หรือที่เรียกกันว่า "วงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire)” “วงแหวนแห่งไฟ” มักเป็นพื้นที่ที่เกิด “หายนะใหญ่ต่อชาวโลก” เป็นประจำ ต้องจับตาดูว่าคิวต่อไป คือที่ไหน !!!
“ต้นน้ำ” เรียบเรียง
-------------------------------
เหตุการณ์แผ่นดินไหว เป็นเรื่องคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ แต่จริงๆ มีสัญญานผิดปกติหลายอย่างจากธรรมชาติ เตือนญี่ปุ่นแล้วก่อนหน้านี้ นั่นก็คือปรากฎการณ์สัตว์น้ำย้ายถิ่น ที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่ง
ทะเลของญี่ปุ่น หลังจากแมงกะพรุนยักษ์โนมูระขนาดใหญ่กว่า... 2 เมตร เป็นหมื่นๆ ตัวแห่ขึ้นมาลอยเต็มท่าเรือทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์เดียวกับที่เกิดขึ้นกับชายฝั่งทะเลของประเทศจีน และเกาหลี ไม่แค่นั้น แต่นักสิ่งแวดล้อมเชื่อมโยง
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า การย้ายที่อยู่ที่หากินของสัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลาทู ปลาแมคอเรล และปลาในตระกูลเดียวกัน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็พบว่า ปลาทูที่เคยชุกชุมอยู่แถบชายฝั่งญี่ปุ่น ลดจำนวนลงมาก ก็เพราะสัตว์พวกนี้จะมีสัญชาติ ญาณที่เรียกว่า "รหัสเตือนภัย" รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก ซึ่งมีผล
กับอุณหภูมิของน้ำ จึงต้องอพยพย้ายที่ปรับตัวก่อนจะรุนแรงถึงขั้นแผ่นดินไหว และแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นจนกลายเป็นวิกฤตนิวเคลียร์รั่วไหล อาจจะลุกลามไปถึงสหรัฐอเมริกา เพราะข้อมูลทางธรณีวิทยาจากผู้เชี่ยวชาญที่โอเรกอนพบว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหว 9
ริกเตอร์ที่ญี่ปุ่น ส่งสัญญาณว่าโอกาสเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่นั้น จะเกิดขึ้นอีก บนแนววงแหวนแห่งไฟ หรือ Ring of Fire แต่อยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเม ริกา ที่รอยเลื่อน "ซาน แอนเดรียส" เป็นรอยต่อของเปลือกโลก 2 ชิ้นใหญ่ คือ แผ่นแปซิฟิก และแผ่นอเมริกาเหนือ มาบรรจบกันพอดี รอยเลื่อนนี้พาดผ่านทางเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ผ่านซานดิเอโก้
ลอสแองเจลลิส และซานฟรานซิสโก มีความเป็นไปได้ที่แผ่นดินไหวแบบเดียวกับญี่ปุ่น จะเกิดขึ้นในบริเวณนี้ แต่ที่สำคัญก็คือ ในแนวรอยเลื่อนนี้ เป็นที่ตั้งของโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ "แฮนฟอร์ด" อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีกากกัมมันตรังสีอยู่ถึง 53 ล้านแกลลอน คงไม่ต้องเดาว่าความสูญเสีย จะมีมากแค่ไหนหากเกิดเหตการณ์แผ่นดินไหวอีกhttp://www.thailand14.com/News-detail-444890.html