>>อรมณีจันทร์ พยากรณ์<<รับพยากรณ์ดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์ไทย  ไพ่ยิปซี  ลายมือ  ไพ่ป็อก  โหราศาสตร์อินเดีย Tarot  Astrology  Horoscope  Fortuneteller

หน้าร้าน วิธีการชำระเงิน แจ้งการชำระเงิน สินค้าในรถเข็น บทความ คำถามที่ถามบ่อย ติดต่อเรา
สถิติร้านค้า
เปิดร้านเมื่อ : 07/09/2011
แก้ไขล่าสุดเมื่อ : 06/12/2019
จำนวนครั้งที่ชม : 168626
จำนวนสินค้าในร้าน : 129

 ทะเบียนพาณิชย์


หมวดสินค้า
รับพยากรณ์ (7)สินค้าน่าสนใจ (8)บทความ (16)แม่หมอเอ๋ (17)ข้อมูลอื่นๆ (15)เรื่องสั้นกฏแห่งกรรม (15)เรื่องน่าสนใจ (16)แผนที่ร้าน (3)การเรียงไพ่แบบต่างๆ (10)เครื่องรางของขลัง (9)การทำบุญ (2)แนะนำวัด (1)ทำนายดวง (4)แจ้งข่าว (2)ข่าวเตือนภัย (1)บอกเล่า90 (3)
บริการของร้าน
หน้าร้าน ข่าวสาร เว็บบอร์ด เอกสารสำคัญของร้านค้า คำถามที่พบบ่อย บทความน่าสนใจ วิธีการชำระเงิน แจ้งการชำระเงิน ติดต่อเรา




รับทำเว็บไซต์ รับทำเว็บโรงแรม เช่า VPS

  ชื่อหมวด : เรื่องสั้นกฏแห่งกรรม
รูปภาพ
View full-size image

นำสินค้าใส่รถเข็น
ความหมายและชนิดของกรรม
ผู้ชมสินค้านี้ 364 / ผู้ซื้อสินค้านี้ 0
รายละเอียด
ความหมายและชนิดของกรรม

คนส่วนมากเข้าใจว่ากรรมคือ การกระทำ ความเข้าใจนี้ก็ไม่ผิด แต่เป็นความเข้าใจที่ยังไม่รัดกุมและถูกต้องทั้งหมด เพราะมีการกระทำบางอย่างที่ไม่นับว่าเป็นกรรม กรรมที่แท้จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ ๒ ประการ คือ ผู้ทำมีเจตนา และการกระทำนั้นจะต้องให้ผลเป็นบุญหรือบาป ที่ว่าผู้ทำมีเจตนา มีหลักการที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน นิพเพธิกปริยายสูตร ฉักกนิบาต อังคุตตรนิกาย ว่า เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ แปลว่า ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนาเป็นกรรม

เจตนาก็ได้แก่ ความตั้งใจหรือความรับรู้ ซึ่งแบ่งได้เป็น ๓ อย่าง คือ

บุรพเจตนา เจตนาก่อนทำ
มุญจนเจตนา เจตนาในเวลาทำ
อปราปรเจตนา เจตนาเมื่อได้ทำไปแล้ว

การกระทำโดยมีเจตนาเกิดขึ้นในตอนใดตอนหนึ่งถือว่าเป็นกรรมทั้งสิ้น ส่วนการกระทำที่ไม่มีเจตนา คือ ใจไม่ได้สั่งให้ทำ ไม่จัดว่าเป็นกรรม เช่น คนเจ็บซึ่งมีไข้สูง เกิดเพ้อคลั่ง แม้จะพูดคำหยาบออกมา เอามือหรือเท้าไปถูกใครเข้าก็ไม่เป็นกรรม ในทางวินัยก็ยกเว้นให้พระที่วิกลจริตซึ่งล่วงเกินสิกขาวินัยไม่ต้องอาบัติ ทั้งนี้ก็โดยหลักเกณฑ์ที่ว่า ถ้าผู้ทำไม่มีเจตนากระทำแล้ว การกระทำนั้นก็ไม่เป็นกรรม


ส่วนหลักเกณฑ์ข้อที่ ๒ ที่ว่า การกระทำนั้นจะต้องให้ผลเป็นบุญหรือบาป ก็เพื่อแยกการกระทำของพระอรหันต์ออกจากการกระทำของปุถุชน เนื่องจากพระอรหันต์เป็นผู้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ไม่มีความยึดถือในตัวตน การกระทำเรียกว่า อัพยากฤต ไม่นับว่าเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว บุญและบาปก็ไม่มี การกระทำของพระอรหันต์จึงไม่เรียกว่า กรรม แต่เรียกว่า กิริยา ส่วนปุถุชนยังมีความยึดมั่นในตัวตนอยู่ จะทำอะไรก็ยังยึดถือว่าตนเป็นผู้กระทำ การกระทำของปุถุชนจึงเป็นกรรม ย่อมจะก่อให้เกิดวิบากหรือผลเสมอ กรรมดีก็ก่อให้เกิดบุญ ส่วนกรรมชั่วก็ก่อให้เกิดบาป


คนบางคนเข้าใจว่ากรรมหมายถึง สิ่งไม่ดีคู่กับเวรหรือบาป เช่นที่เรียกว่า เวรกรรมหรือบาปกรรม ตรงกันข้ามกับฝ่ายข้างดีซึ่งเรียกว่า บุญ ทั้งนี้เพราะเราได้ใช้คำว่ากรรมในความหมายไม่ดี เช่น เมื่อเห็นใครต้องประสบเคราะห์ร้ายและถูกลงโทษ เราก็พูดว่ามันเป็นเวรกรรมของเขา หรือเขาต้องรับบาปกรรมที่เขาทำไว้ แต่ความจริงคำว่ากรรมเป็นคำกลาง ๆ หมายถึง การกระทำตามที่กล่าวมาแล้ว จะมุ่งไปในทางดีก็ได้ทางชั่วก็ได้ ถ้าเป็นกรรมดีเราก็เรียกว่า กุศลกรรม ถ้าเป็นกรรมชั่วเราก็เรียกว่า อกุศลกรรม

กรรมอาจจะจำแนกออกได้เป็นหลายประเภท หากแบ่งตามทางที่ทำก็แบ่งเป็น ๓ ทาง ได้แก่

๑. กายกรรม กรรมที่ทำทางกาย
๒. วจีกรรม กรรมแสดงออกทางวาจา
๓. มโนกรรม กรรมทางใจ

ในกรรมบถ ๑๐ แบ่งกรรม ๓ ทางนั้นเป็นฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศล แต่ละฝ่ายมีรายละเอียดของกรรมหรือการกระทำดังนี้

กายกรรมหรือกรรมทางกาย แบ่งเป็นฝ่ายละ ๓ คือ
๑. ฝ่ายอกุศล ได้แก่ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ และผิดประเวณี
๒. ฝ่ายกุศล คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ และเว้นจากการผิดประเวณี

วจีกรรม แบ่งเป็นฝ่ายละ ๔ คือ
๑. ฝ่ายอกุศล ได้แก่ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
๒. ฝ่ายกุศล ได้แก่ เว้นจากการพูดเท็จ เว้นจากการพูดส่อเสียด เว้นจากการพูดคำหยาบ และเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

มโนกรรม แบ่งเป็นฝ่ายละ ๓ คือ
๑. ฝ่ายอกุศล ได้แก่ เพ่งเล็งทรัพย์ผู้อื่น ปองร้าย และเห็นผิดจากคลองธรรม
๒. ฝ่ายกุศล ได้แก่ ไม่เพ่งเล็งทรัพย์ผู้อื่น ไม่ปองร้าย และเห็นชอบตามคลองธรรม

ตามที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าแม้แต่การนึกคิดก็จัดว่าเป็นกรรมแล้ว เช่น เราคิดจะลักทรัพย์หรือทำร้ายคนอื่น แม้จะยังไม่ลงมือทำก็ถือว่าเป็นกรรมชั่ว ซึ่งจะต้องมีผลตอบแทนแล้ว ผิดกับการลงโทษตามกฎหมายอาญา ซึ่งจะลงโทษได้ก็ต่อเมื่อผู้กระทำได้เตรียมการหรือลงมือกระทำแล้วเท่านั้น ลำพังความคิดที่จะกระทำความผิดยังหามีโทษไม่ ตามที่กฎหมายอาญาไม่เอาโทษการคิดที่จะกระทำความผิด ก็เพราะเป็นการยากที่จะพิสูจน์ความนึกคิดของบุคคล และเห็นว่ายังไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น แต่หลักของกรรมถือความคิดชั่วเป็นความผิด ก็เนื่องจากว่าเม้ว่าคนอื่นยังไม่เสียหาย ผู้คิดเองก็เสียหาย ฉะนั้นจึงต้องมีวิบากติดตามมา จะเห็นได้ว่าการสนองผลของกรรมมีขอบเขตกว้างขวางกว่าการลงโทษของกฎหมายบ้านเมืองมาก

จากเวบพลังจิต  palungjit.com

ราคา 2 ฿
ค่าจัดส่ง : 0
วันที่ลงประกาศ 2011-09-10 20:28:07

 

╔═════════✫❀✫ೋღ ❤ ღೋ✫❀✫═════════╗
ೋ❤~•*✿*•Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ ❀ยินดีต้อนรับคะ❀ Ƹ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒ•*✿*•~❤ೋ
╚═════════✫❀✫ೋღ ❤ ღೋ✫❀✫═════════╝






โดเมนชื่อ Lovecream.tk และ Aetarot.tk ยกเลิกแล้วนะคะ
ท่านสามารถเข้าทาง www.lovecream36.com
and www.Aetarot.com นะคะ
อรมณีจันทร์ พยากรณ์ ลิงค์หลัก
http://shop.be2hand.com/aetarot

ประกาศ กรุณาอีเมล์มาก่อนนะคะ amlolita@gmail.com 
ดิฉันเช็คเมล์ทุกวันจะตอบกลับแน่นอนคะ 



เว็บไซต์สำรอง 

http://shop.be2hand.com/aetarot 

อรมณีจันทร์ พยากรณ์

http://shop.be2hand.com/aelovespa 
อรมณีจันทร์ เครื่องสำอางค์ ครีมสมุนไพร

http://tarotinlove.blogspot.com/ 
อรมณีจันทร์ พยากรณ์

http://creamok.blogspot.com/
อรมณีจันทร์ เครื่องสำอางค์ ครีมสมุนไพร