
วิธีสร้างแรงบันดาลใจ TUNE UP YOUR INSPIRATION
หากจะว่าไปแล้ว สิ่งที่ทำให้มนุษย์ประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับแรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจจึงเหมือนเป็นไฟที่ลุกโชติ สร้างความหวังให้กับมนุษย์
แต่คำว่าแรงบันดาลใจนี้สร้างไม่ได้ง่ายดั่งใจฝันเลย
วันนี้เราขอเสนอวิธีสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตและการทำงานครับผม
ระยะหลัง ๆ นี้คำว่าแรงบันดาลใจ ( Inspiration ) ถูกนำมาใช้ให้เป็นสาเหตุสำคัญของการสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ มากขึ้น
ทั้งงานศิลปะ วิทยาศาสตร์ ดนตรี กวี เพลง ฯลฯ
หลาย ๆ คนอยากมีแรงบันดาลใจบ้าง และอยากรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะเกิดได้…ใช่ไหม ?
ลองฟังประวัติชีวิตของอัจฉริยะคนนี้ดูซิ….
หลาย ๆ คนคงเคยรู้จักประวัติชีวิตของ Stephen Hawking
ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์ที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลกยุคนี้
เขาเป็นผู้อธิบายสภาวะของหลุมดำและการกำเนิดของจักรวาล เป็นการเปิดฉากจักรวาลวิทยาซึ่งเป็นหลักฟิสิกส์ยุคใหม่ของโลกทีเดียว
ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขาเป็นคนพิการ เดินไม่ได้ พูดไม่ได้ ขยับได้เพียงนิ้วสองนิ้วและซีกหน้าด้านซ้ายเท่านั้น
เขาเป็นโรคประสาทกล้ามเนื้อเสื่อม (Motor Neurone Disease)
ประสาทส่วนกลางส่วนที่ควบคุมกล้ามเนื้อจะเสื่อมตายไปเรื่อย ๆ
เหลือเพียงสมองเท่านั้นที่ยังดีอยู่ และยังคงความเป็นอัจฉริยะอยู่ได้ด้วยสมองที่ยอดเยี่ยมของเขา
เขาเรียนจบระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
เมื่อเขาเห็นความตายมารออยู่ แทนที่จะหมดหวังและนั่งรอความตาย
แต่เขากลับเกิด ‘แรงบันดาลใจ’ ที่จะทำชีวิตให้มีคุณค่ามากที่สุดในทางวิทยาศาสตร์ที่เขาถนัด
ผลงานโด่งดังหลาย ๆ อย่างจึงปรากฏขึ้น โดยใช้ตัวช่วยในการทำงานเป็นคอมพิวเตอร์และบุตรสาว
ผมอ่านชีวประวัติของเขาด้วยความทึ่ง และ เกิดความคิดทันทีว่า…
ที่เขามีแรงบันดาลใจ (Inspiration) สูงมาก
ที่จะทำงานที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตต่อไปแม้ร่างกายใกล้ตาย มองเห็นความตายชัดเจนอยู่ใกล้ ๆ แล้วนั้น เป็นเพราะ
1. เขามีแรงผลัก (Drive) ให้ทำงานสูงมาก
เป็นแรงผลักที่มาจากความกลัวตายและยังไม่อยากตาย
ทำให้เกิดเป็นความกร้าวแกร่ง ( Aggressive Drive) ที่จะสู้กับความตาย
โดยทำกิจกรรมให้เต็มที่ เพื่อจะได้ไม่ต้องนึกถึงความกลัวความตาย
Aggressive Drive นี้ ถ้าใช้ในทางที่เหมาะสมจะเกิดผลงานที่สร้างสรรค์ได้มากมาย
แต่ถ้าใช้แบบไม่เหมาะสมก็จะทำให้เกิดความปั่นป่วนรบกวนสังคมได้มากมายเช่น กัน
2. เขามีแรงจูงใจ (Motivation) ให้ทำงานสูงมาก
เป็นเพราะในยามเขาป่วยย่อมมีชีวิตที่น่าเบื่อ อยู่ไปวันหนึ่ง ๆ
เหมือนรอความตาย และพบกับความจำเจซ้ำซากทุกวัน
ถ้าหากเขาทำงานให้เต็มที่ ความน่าเบื่อนั้นก็คงจะหมดไป จึงเกิดเป็นความกระตือรือร้น สนุก
รู้สึกตัวเองมีค่ามากขึ้นเมื่อทำงานได้สำเร็จ และอาจจะนึกไปถึงอนาคตที่ผลงานอาจได้จารึกในประวัติศาสตร์ของโลกต่อไป
กลายเป็นบุคคลสำคัญของโลก
แรงจูงใจจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
เราคงรู้กันมาแล้วว่า แรงผลักและแรงจูงใจนี้มีความสำคัญมากในการดำรงชีวิตอยู่และในการทำงาน
แต่ในเงื่อนไขชีวิตของเราส่วนใหญ่ที่ยังสบายดีอยู่ รักความสบาย ยังอยากอยู่แบบสบาย ๆ ต่อไป
แรงผลักและแรงจูงใจก็ไม่เกิดเต็มที่หรอก จึงทำให้ไม่เกิดแรงบันดาลใจด้วย

ในกรณีตัวอย่างของ สตีเฟ่น ฮอร์กิ้ง นี้ เขาได้รับเงื่อนไขเป็นกรณีพิเศษ
คือมีความตายมาเคาะประตูชีวิตแล้ว เขาจึงใช้แรงผลักและแรงจูงใจอย่างมากมายและสร้างสรรค์
จึงเกิดแรงบันดาลใจอย่างพิเศษร่วมกับความอัจฉริยะของเขา ทำให้ได้ผลงานชิ้นเยี่ยม ๆ ของโลกดังกล่าวแล้ว
ถ้าคุณอยากได้แรงบันดาลใจอย่างนี้บ้าง
จงลองคิดว่าเราอยู่ใกล้ความตายทุกนาทีซิ เราจะตายเมื่อไรก็ได้
(แม้ขณะนี้เรายังแข็งแรง สบาย มีเงินใช้ก็ตาม) เพราะชีวิตเรามีความไม่แน่นอนทุกวินาที
อาจจะทำให้เราเกิดแรงผลักชนิดกร้าวแกร่งอย่างสร้างสรรค์
และเกิดแรงจูงใจให้หนีจากความน่าเบื่อหน่ายซ้ำซากจำเจ
ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจสุด ๆ เป็นพลังให้ทำบางสิ่งบางอย่างที่คุณไม่คาดคิดก็ได้
ผลงานใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นแน่ ๆ แม้อาจไม่ยิ่งใหญ่เท่าสตีเฟ่น ฮอร์กิ้ง
แต่ผลงานจะมากขึ้น และยิ่งใหญ่กว่า ผลงานที่เกิดขึ้นจากการที่คุณคิดและดำเนินชีวิตอย่างปกติ จำเจอย่างทุกวันนี้แน่ ๆ
ผลงานดีๆ จาก http://www.wiseknow.com/blog/2009/07/04/2857/